
การคุมทีม นับเป็นการเดินทางที่ยาวนานของ เดวิด มอยส์ ผู้จัดการทีมฟุตบอล เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ภายหลังที่เขาทำงานในฐานะผู้จัดการทีมฟุตบอลครบ 1,000 นัด
การคุมทีม นับเป็นการเดินทางที่ยาวนานของ เดวิด มอยส์ ผู้จัดการทีมฟุตบอล เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ภายหลังที่เขาทำงานในฐานะผู้จัดการทีมฟุตบอลครบ 1,000 นัดหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมันเกิดขึ้นในเกม ยูฟ่า ยูโรปา ลีก
นัดหมายที่ทีมของเขาเสมอกับ เกงค์ 2-2 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 เดือนพฤศจิกายน ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ตลอดช่วงที่ผ่านมา มอยส์มีทั้งช่วงเวลาแห่งความสุขแล้วก็ช่วงเวลาที่เลวร้ายสำหรับเพื่อการทำงานด้านที่ปรึกษา
เขาอีกทั้งเคยได้รับการชมเชยว่าเป็นคนที่สามารถทำให้ เอฟเวอร์ตัน ต่อกรกับเหล่าทีมดังใน พรีเมียร์ลีก ได้ดีในระดับหนึ่ง แล้วก็เคยเป็นผู้ที่โดนหยามหน้าว่าทำลาย แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ภายในช่วงเวลาไม่ถึง 1 ฤดูกาลเต็มด้วย
ดังนี้ วันนี้พวกเราจะมาย้อนดูกันสักนิดสักหน่อยว่าในจำนวน 1,000 นัดหมายก่อนหน้าที่ผ่านมา การคุมทีม สำหรับในการคุมทีมของ มอยส์นั้น มันมีเกร็ดเกี่ยวกับผลงานการควบคุมทีมด้านไหนที่ถือว่าน่าสนใจกันบ้าง
วันที่ชนะขาดลอยที่สุด เวลาพูดถึงกุนซือใน พรีเมียร์ลีก ที่ชอบให้ทีมเล่นเกมบุกเป็นหลักนั้น มอยส์อาจจะไม่ใช่ชื่อแรกที่โผล่มาในหัวของหลายคน แต่ที่จริงแล้วเขาก็ทำให้ทีมมีสไตล์การขึ้นเกมที่ดีในระดับหนึ่งเหมือนกัน
โดยเขาถึงขั้นเคยทำให้ เอฟเวอร์ตัน ไล่ถล่ม ซันเดอร์แลนด์ ด้วยสกอร์ขาดลอยถึง 7-1 ในเกม พรีเมียร์ลีก มาแล้ว ซึ่งเกมนั้นเกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 2007 ทั้งนี้ นั่นไม่ใช่เกมเดียวด้วยที่มอยส์ เคยนำทีมของเขาชนะด้วยผลต่าง 6 ลูก
การคุมทีม โดยอีกนัดหนึ่งมันเกิดขึ้นในตอนที่เขานำ เปรสตัน นอร์ธ เอ็นด์ คว้าชัยเหนือ สต็อคพอร์ท เคาน์ตี้ ในเกมระดับ ดิวิชั่น 1 เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 2001 เกมที่แพ้ยับที่สุด ด้วยความที่เข้าไปรับงานกับ เอฟเวอร์ตัน เมื่อช่วงเดือนมีนาคม ปี 2002 เว็บดูบอลสด
มอยส์ มีทั้งช่วงเวลาแห่งความสุขแล้วก็ช่วงเวลาที่เลวร้าย
การคุมทีม ทำให้ มอยส์ต้องใช้เวลานานพอตัวกว่าที่จะสร้างทีมตามที่เขาต้องการได้ ดังนั้นมันจึงไม่น่าแปลกใจนักที่ช่วงแรกๆ ของเขากับ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” จะไม่ได้สวยงามระดับที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ อย่างไรก็ตาม เกมพรีเมียร์ลีก เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ปี 2005
มันก็เป็นเกมที้โหดร้ายเกินกว่าที่มอยส์ หรือคนที่เก่ยวข้องกับ เอฟเวอร์ตัน จะรับไหวเหมือนกัน เพราะวันนั้นพวกเขาต้องกลับออกจาก ไฮจ์บิวรี่ ด้วยการแพ้ อาร์เซน่อล แบบเละเทะ 0-7 และนั่นก็คือความปราชัยที่ย่อยยับที่สุดในชีวิตการคุมทีมของมอยส์
ที่จริงนั่นไม่ใช่ครั้งเดียวที่มอยส์ เคยต้องพบกับความปราชัยแบบย่อยยับเวลาเจอกับ อาร์เซน่อล เพราะเอฟเวอร์ตัน ในยุคของเขายังเคยแพ้ “ไอ้ปืนใหญ่” 1-6 ในเกมลีกคารัง กูดิสัน พาร์ค เมื่อช่วงเดือนสิงหาคม ปี 2009 ด้วย
เปอร์เซ็นต์ชนะ แน่นอนว่าหลายคนมีภาพฝังหัวว่ามอยส์ ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงกับแมนฯยูไนเต็ด จากการที่ทีมมีสไตล์การเล่นและผลงานแย่กว่าในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อย่างมาก จนถึงขั้นที่ทำให้เขาไม่ได้อยู่คุมทีมจนจบฤดูกาล 2013-14 ด้วยซ้ำ
ทั้งที่ เฟอร์กูสัน เพิ่งไปทาบทามเขามาเป็นกุนซือด้วยตัวเอง ถึงกระนั้น เชื่อหรือไม่ว่าแมนฯยูไนเต็ด ถือเป็นทีมที่เขามีเปอร์เซ็นต์ชนะเยอะที่สุดในอาชีพการคุมทีม ด้วยจำนวน 52.94 เปอร์เซ็นต์ โดยรองลงมาคือช่วงเวลากับ เวสต์แฮมฯ
ในปัจจุบัน ที่เขามีเปอร์เซ็นต์ชนะ 48.15 เปอร์เซ็นต์ ตามด้วยสมัยคุม เปรสตันฯ จากการที่ตอนนั้นมีเปอร์เซ็นต์ชนะ 47.86 เปอร์เซ็นต์ทีมใหญ่ที่แสบสันต์ ด้วยความที่แมนฯยูไนเต็ด เป็นทีมระดับบิ๊กเนมทีมเดียวที่มอยส์ เคยรับงานด้วย
ทำให้มันไม่น่าแปลกใจนักที่เขามีสถิติไม่ค่อยดีเท่าไหร่เวลาเจอกับทีมระดับหัวแถว แต่ในบรรดาทีมใหญ่นั้น มันไม่มีทีมไหนอีกแล้วที่จะเป็นฝันร้ายของเขาได้มากไปกว่า อาร์เซน่อล แน่นอนว่าการเคยแพ้ย่อยยับ 2 เกมเป็นหนึ่งในเหตุผลของเรื่องนั้น
แต่นอกจากประเด็นดังกล่าวแล้วมันก็ยังมีเรื่องที่ว่า อาร์เซน่อล คือทีมใหญ่ที่มอยส์ มีผลงานแย่ที่สุดเวลาต้องเผชิญหน้ากันด้วยถ้านับเฉพาะทีมที่เขาเคยดวลด้วยอย่างน้อย 20 เกม โดยหากนับเกมทุกรายการให้เหมือนเป็นเกมลีกแล้วล่ะก็
มอยส์จะเก็บแต้มได้เฉลี่ยแล้ว 0.58 แต้มต่อนัดเท่านั้นเวลาเจอกับ อาร์เซนอล ทีมใหญ่ที่เป็นฝันร้ายของมอยส์ รองลงมาจาก อาร์เซน่อล ก็คือแมนฯยูไนเต็ด จากการที่เขาเก็บแต้มเฉลี่ยได้เพียง 0.67 แต้มต่อนัดเวลาเจอกับอีกฝ่าย
การคุมทีม หากนับเกมทุกรายการให้เหมือนเป็นเกมลีก ส่วนอันดับ 3 ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น ลิเวอร์พูล ทีมที่เขาต้องเผชิญหน้าด้วยในวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ จากการที่มีค่าเฉลี่ยเก็บแต้มจาก “หงส์แดง” ได้ที่ 0.69 คะแนนต่อเกม ซีดานปัดคุมผี